9 Tips เน้นๆ กระเตงลูกเที่ยวเมืองนอก
- Prd Wy Term
- Mar 16, 2022
- 2 min read
Updated: Jun 2, 2022

ถึงคุณพ่อคุณแม่ที่อยากกระเตงลูกน้อยเที่ยวแล้ว เพื่อนๆ พี่ๆ และญาติมิตรต่างๆ ก็คงจะ ห้ามปราม หรือ หาว่าบ้าก็เป็นแน่ เพราะนอกจากจะลำบากในการหอบสัมภารกของตนเองและลูกน้อยแล้ว การรับมือกับเบบี๋ที่นอกจากจะจำอะไรไม่ได้เลยตลอดทั้งทริป นอกจาก กิน นอน แล้วก็เล่น แต่สิ่งๆหนึ่งที่เป็นแรงขับเคลื่อน เปรียบประดุจยาชูกำลัง และเป็นตัวสร้าง motivation ที่ดี ให้พ่อแม่อยากจะไปแสนไป เที่ยวต่างประเทศกับลูกน้อยให้ได้ใจจะขาด นั้นคือ ความทรงจำอันแสนน่ารัก ที่ได้พาลูกน้อยของคุณไปเปิดโลกกว้าง สร้างความทรงจำอันดีที่จะต้องเป็นแค่ช่วงเวลานี้ๆเท่านั้นที่จะสามารถสร้าง สิ่งเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ อย่างความทรงจำของครอบครัวกับลูกน้อยในต่างแดนอันแสนพิเศษแบบนี้ได้
และในเมื่อใครๆก็ห้ามไม่ได้ เพราะความมุ่งมั่นของสองคนพ่อแม่รวมพลังใครก็รั้งไม่ไหวได้ แต่เสริมส่งอวยพรให้กับการเดินทางที่สุดแสนปลอดภัย สิ่งต่อไปหลังจากซื้อตั๋ว จองที่พัก ก็คงไม่พ้นการ เตรียมตัว เตรียมของ ให้พร้อมไช้ stand by ได้ตลอด 24/7 ไม่ให้ทริป ต้องขัดความสนุก ดักความสะดวกกันเป็นแน่

ซึ่ง 9 สิ่งเหล่านี้ เป็น starter guide ที่อยากให้พ่อแม่รับรู้ เพื่อเตรียมความพร้อม รับทริปต่างแดนอันแสนสุข ดังนี้ 1. Travel before your baby becomes mobile. ทริปท่องเที่ยวของเหล่าพ่อแม่ใจร้อนที่มักจะลงเอย ตอนน้องยังไม่ซ่าดี ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีแล้วทั่น เพราะ เด็กเบบี๋ช่วงอายุ 3-6 เดือน นั้น พ่อแม่สามารถสามารถดูแลได้อย่างทั่วถึงมากกว่า เด็กน้อย 9-12 เดือน ที่เริ่มหัดนั่ง ยืน คลาน และ ปีนป่าย เด็กเบบี๋ 3-6 เดือน หากได้รับการอนุญาตจากกุมารแพทย์แล้ว ก็สามารถไปท่องเที่ยวเปิดโลกทัศน์พร้อมกับพ่อแม่มือใหม่ หัดเที่ยวกับลูกได้เลย และจะเป็นการดีกว่าอีกซะด้วยซ้ำ เพราะถึงแม้ว่า อาจจะไม่คุ้นตา และต่างถิ่นที่อาจจะทำให้น้องไม่สบายกายและร้องไห้บ่อย แต่เด็กในวัยนี้ยังไม่สามารถช่วยตัวเองได้มากนัก นอกจาก มอง กิน นอน และหัวเราะปนความสุข ขณะ Trip(ing) ไปกับพ่อแม่ ย่อมเหนื่อยและท้าทายน้อยกว่าพาเด็ก 9-12 เดือนที่เริ่มทำอะไรเองเป็นที่ เพิ่มความเสี่ยงในต่างแดนเยอะกว่า 2. Consult your pediatrician before planning a big trip with your baby. สืบเนื่องจากข้อ 1 ที่เราแนะนำพาเบบี๋ 3-6 เดือน ไปเที่ยวต่างประเทศ มากกว่า 9-12 เดือน สำหรับพ่อแม่มือใหม่หัดเที่ยว ก่อนเราจะได้ตัดสินใจ และก่อนถึงจุดจองตั๋ว เราควรจะปรึกษากุมารแพทย์ประจำตัวน้องก่อน ว่าหมออนุญาต หรือเห็นว่าเหมาะสม พร้อมที่จะพาไปเที่ยวหรือยัง ถ้าหากว่าหมออนุญาตแล้วสิ่งต่อไปที่ต้องทำคือ หาน้องไปฉีดวัคซีนเตรียมตัวเที่ยวให้ครบ และพกชุดยาสามัญสำหรับเด็กตามไปด้วย (ยาที่ช่วยกล่อมน้องให้นอน ไม่ควรนำมาใช้ เพราะอาจจะส่งผลตรงกันข้าง หรือ อาจจะเป็นอันตราย) 3. Get a travel insurance plan that covers children for free
เมื่อตัดสินใจจะไปใช้ชีวิตพ่อแม่ลูกระยะสั้นกับทริปเมืองนอก เราก็ต้องไม่ลืมที่จะทำประกันสุขภาพสำหรับเที่ยวต่างประเทศก่อนไป เพราะอย่าลืมว่าถ้าในช่วงเวลาที่เราใช้ชีวิตปกติ น้องเบบี๋ยังสามารถเป็นไข้ ไม่สบายตัว ตอนตี 2 ต้องพาน้องไปโรงพยาบาลได้ การที่เราอาจจะได้ตื่นมากลางดึกขณะที่นอนพักอยู่ในโรงแรมต่างประเทศด้วยเหตุการณ์เดียวกัน ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน เพราะฉะนั้น เมื่ออนาคตไม่อาจคาดการณ์ได้ การมีประกันสำหรับเที่ยวต่างประเทศให้น้องไว้นั้นก็ย่อมดีกว่า เพื่อรองรับสถานการณ์ด่วน หรือเหตุสุดวิสัยได้อย่างสบายใจสบายกระเป๋า ซึ่งประกันท่องเที่ยวก็มาในหลายรูปแบบ สำหรับเด็กเราก็จะแนะนำหาประจำที่ครอบคลุมทั้งการเดินทาง ค่าตั๋ว ค่าแอดมิด ค่ารักษา ที่ครอบคลุมสำหรับน้องเลยก็จะเป็นการดีที่สุด เพราะประกันที่มีการครอบคลุมแทบทุกสิ่งอย่างแล้วส่วนใหญ่พ่อแม่ก็จะแทบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากว่าประสบกับตัวจริงๆ


4. Choose a baby-friendly destination
สิ่งที่ยากที่สุดของการวางแผนกระเตงลูกเที่ยวต่างประเทศคือ หาปลายทางที่เหมาะสมและเอื้ออำนวยต่อการกินอยู่ของน้องเล็กๆ เพราะนอกจากน้องจะร้องหากน้องมีอาการไม่สบายตัว หรือที่ที่เค้าอยู่ไม่เอื้ออำนวยแล้ว คนรอบข้าง ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ไดรับรู้สถานการณ์ไปกับเรา ต่างก็จะพากันมาตัดสินด้วยสายตาหรือท่าทาง เมื่อพวกเขาเหล่านี้ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้อยู่ดี
5. Don’t forget your baby’s passport and paperwork
สิ่งที่ขาดไม่ได้มากๆคือ passport และเอกสารจำเป็นต่างๆของน้องที่ต้องใช้ควบคู่เพื่อผ่านเข้าออกประเทศต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงประวัติการรักษา medical record หากน้องต้องการดูแลเป็นพิเศษ หรือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในต่างแดนขึ้นมาจริงๆ
6. Pack more than you need
รู้อะไรไม่สู้ “รู้งี้” จริงๆ... บางครั้ง สิ่งของที่เราคิดว่าไม่จำเป็น อาจจะเป็นพระเอกที่ไม่อาจจะคาดคิดในการเดินทาง ก็เป็นได้ หรือ ของใช้ส่วนตัวที่ปกติเราพกไปตามจำนวนอย่างเสื้อผ้าน้อง การพกไปเกินกว่านิดหน่อยก็อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่เสียหลาย เพราะหากเกิดเหตุสุดวิสัยที่พ่อแม่ต้องเปลี่ยนเสื้อให้น้องระหว่างวัน หากเรามีเสื้อสำรองก็ไม่ต้องไปซื้อเสื้อผ้าใหม่และพะวงหน้าหลังว่าเสื้อที่เราซื้อมาให้ลูกใส่เฉพาะกิจนั้นสะอาดมั้ย อีกด้วย
แต่ถึงกระนั้น การที่พ่อแม่จะต้องพกไอเทมเผื่อไปซื้อทุกอย่างก็จะเป็นการเพิ่มภาระโดยไม่จำเป็นเสียเกินไป เราก็จะแนะนำให้พบกันครึ่งทางและมองภาพรวมความเป็นจริงๆ ชั่งน้ำหนักวัดผลจากการใช้ชีวิตเที่ยวของพ่อแม่และลูกที่ผ่านมาว่า เหตุการณ์ที่มักจะเกิด มีอะไรบ้าง เมื่อชั่งน้ำหนักความสำคัญมากน้อยแล้วจึงจัดสรรตามเหตุการณ์ความเหมาะสม เพราะหากเรามองภาพตามความเป็นจริง แต่ละครอบครัวนั้นประสบปัญหาเหมือนกัน แต่จะคือปัญหาอะไรนั้น ก็จะต้องแบ่งเหตุการณ์กันไปตามแต่ละครอบครัว
7. Pack clothes and toiletries for yourself in your carry-on
ลองมองย้อนกลับมาดูที่พ่อแม่ หากมองจากเหตุการณ์จริง ถ้าสมมติว่า พ่อแม่เจอเหตุไม่คาดฝัน อย่างผ้าอ้อมระเบิดกลางสนามบิน ก็คงจะดี ถ้ามีชุดเปลี่ยนฉุกเฉินสัก 1-2 ชุด อุปกรณ์ช่วยอาบน้ำหรือทำความสะอาด สำหรับฉุกเฉินก็คงจะดี เพราะแม้แต่ในวันที่อากาศดีย่อมมีพายุฝน พ่อแม่อาจจะคิดว่าตลอดทั้งทริปเบบี๋เป็นเด็กดีมากๆ วันดีคืนดีหนูน้อยอาจจะทิ้งบอมให้ไม่รู้เรื่องก็เป็นได้
8. Defend your baby from germs — but don’t freak out
เป็นเรื่องปกติมากๆ สำหรับเบบี๋ที่มีความสดใสซุกซน ในวันที่อารมณ์ดี หากมาพร้อมกับ โมเม้นต์ที่ต้องรอขึ้นเครื่องก็ย่อมมีช่วงจังหวะที่น้องอยากจะคลานเล่นไปมาเพื่อ exercise เสริมสร้างพัฒนาการของตัวเองก็เป็นแน่ แต่พ่อแม่อย่างเราๆก็คงอยากห้าม หรือถ้าห้ามไม่ได้ เราก็คงคิดอยากหาทางป้องกันไม่ให้น้องไปสัมผัสสิ่งสกปรกที่อาจจะเอาเข้าปากได้ในภายหลังก็เป็นแน่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วพ่อแม่ก็อาศัยพกผ้าห่มไปเป็นเสื่อหัดคลานเฉพาะกิจ
และที่ทำความสะอาดพกพาที่ต้องมีติดตัวไม่ว่าจะรูปแบบ แอลกอฮอร์เจล สเปรย์ทำความสะอาด เบบี้ไวป์แบบฆ่าเชื้อ มีมากกว่า 1 อย่างได้ไม่เสียหลายขึ้นอยู่กับสถานการณ์และความสะดวกในการนำมาใช้ช่วงนั้น
หรือแม้แต่เมื่อเราถึงที่พักแล้ว หาก ณ เวลานั้น หรือสภาพแวดล้อม ณ ขณะนั้น เอื้ออำนวยต่อพาหะเหนี่ยวนำเชื้อโรคอย่างแมลง ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ หรือช่วงฤดูร้อน การป้องกันพาหะเหล่านี้ ก็เป็นอีก 1 ตัวช่วยปกป้องลูกน้อยที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน
9. Ask for help
การขอความช่วยเหลือนั้นไม่ใช่สิ่งที่น่าอาย หรือต้องเกรงใจ เพราะยิ่งเมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับลูกน้อย หากว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ในสถานที่ไม่คุ้นตา หรือไม่เอื้ออำนวย และพ่อแม่งานล้นมือมากๆจริงๆ การขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ตัวในบางครั้งก็อาจจะเป็นเรื่องที่ดีก็เป็นได้ อาทิ หากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นบนเครื่องบินและน้องเบบี๋เกิดอาการเมาเครื่องบินหนักมากจนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ต้องขอความช่วยเหลือครั้งใหญ่ ถึงแม้ว่าบนเครื่องจะไม่มีอุปกรณ์เฉพาะสำหรับเด็กช่วยเอื้ออำนวยในยามวิกฤติ แต่หากมีอุปกรณ์ใดๆที่สามารถประยุกต์ใช้ หรือแม้แต่การยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือจากพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเอง ก็สามารถช่วยทุ่นแรงกายแรงใจให้พอแม่ไปอีกหลายเปราะเลยทีเดียว

Source : https://www.allianztravelinsurance.com/travel/family/international-travel-with-infant.htm
Image : stock.abobe.com | grow-babies.com
Comments