"น้ำมูก" เป็นหวัด หรือ ภูมิแพ้ ?
- Prd Wy Term
- Nov 3, 2021
- 1 min read
Updated: Jun 2, 2022

หน้าฝนก็เป็นหวัด หน้าหนาวก็อากาศแห้งลมแรง และยิ่งโลกเราปัจจุบัน อากาศก็ไม่ได้สะอาดเหมือนแต่ก่อน ฝุ่นแยะ มลภาวะก็เยอะ
ไหนจะสภาพภูมิอากาศแปรปรวนจากภาวะโลกร้อน ที่ถึงกับทำให้ร่างกายบางคนปฏิกิริยาจับทำให้เป็นลมพิษกันเข้าไปอีก
ไหนเลยหากอยู่บ้านนิ่งๆ ก็ใช่ว่าจะสุขภาพดี เพราะมีฝุ่นเล็กฝุ่นน้อยที่เล็ดลอดเข้ามาตามช่องขอบประตูหน้าต่าง หรือแม้แต่ผ่านคอมแอร์ที่ตั้งอยู่นอกบ้าน ฝุ่นปูนที่อยู่หลังวอลเปเปอร์ หรือถ้าบ้านมีรอยร้าวก็มีฝุ่นยิบๆย่อยๆเกิดขึ้นอยู่เนืองๆแล้ว ฝุ่นจิ๋วที่เล็กเกินกว่าเครื่องกรองจะดักได้
ถ้าได้ลอยไปเจอกับคนที่ระบบภูมิคุ้มกันเซ็นซิทีฟมากๆ (Oversensitive immune system) ก็สามารถทำให้เกิดภูมิแพ้ได้เช่นกัน
[www.nhs.uk / allergic rhinitis]
Oversensitive immune system ใน Allergic rhinitis (จมูกอักเสบจากภูมิแพ้) เกิดจากปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายที่มีต่อสารก่อภูมิแพ้ (allergen) อย่าง ฝุ่น ปูน เกสร ขนสัตว์ หรืออื่น ที่มนุษย์เราแต่ละคนก็จะมีปฏิกิริยา/อาการแพ้ต่อสิ่งเหล่านี้ที่แตกต่างชนิดกันไป
โดยปกติแล้ว เมื่อร่างกายคนเราสัมผัสถึงสิ่งที่เราแพ้ ในขณะที่มันปะปนเข้าไปอยู่ในร่างกายได้ ระบบภูมิคุ้มกันก็จะเริ่มทำงาน โดยจะรู้ถึง และ จดจำ Allergen เหล่านี้ ก่อนจะส่ง Antibody ไปจัดการ โดยเหตุการณ์นี้จะเรียกว่า sensitisation หรือ อาการแพ้
และเมื่ออาการแพ้เกิดขึ้นในส่วนต่างๆของร่างกาย อาทิ ภายในโพรงจมูก ร่างกายของเราก็จะส่ง Antibody ที่เรียกว่า immunoglobulin E (IgE)
ซึ่งเมื่อ IgE ไปสัมผัสกับ Allergen ตรงจุดไหนภายในตัวเรา ก็จะเกิดปฏิกิริยา หลั่งสารเคมีหลายตัวออกมาจากการชนกันของ 2 ตัวนี้
ซึ่งหนึ่งในนั้นคือฮีสตามีน (histamine) ที่จะมาทำให้ภายในโพรงจมูกของผู้ที่มีอาการแพ้ เกิดอาการอักเสบโดย (the mucous membrane)
หรือ เนื้อเยื่อเมือกในโพรงจมูกจะหนาขึ้น และผลิตน้ำมูกออกมาเยอะขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองที่จะมาทำให้เจ้าของร่างกาย สัมผัสได้ถึง อาการจาม คัดจมูก หายใจไม่สะดวก น้ำมูกไหล
ซึ่งอาการแพ้ในเด็กเป็นเรื่องซีเรียสมากๆ เพราะนอกจากเราจะค้นหาสาเหตุของอาการแพ้ที่น้องเป็นยากมากแล้ว น้องที่ยิ่งเล็กก็จะยิ่งไม่แสดงอาการชัดๆให้เรารู้เลย
เพราะฉะนั้นแล้ว พ่อแม่อย่าชะล่าใจ อาการน้ำมูกไหลไม่ได้เกิดเฉพาะตอนหน้าฝน หรือตอนที่น้องเป็นหวัดเท่านั้น allergen ประจำกายมนุษย์ที่อยู่รอบตัวเราล้วนแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น ฝุ่น ไร เกสร สปอร์ ขนสัตว์หรือสิ่งที่ลอยติดมากับสัตว์ ขี้เลื่อย ฝุ่นไม้ ระอองฝุ่นปูน หรือแม้แต่ latex และ by product จากเคมีภัณฑ์ต่างๆ ที่อยู่คู่บ้าน คู่เราๆ เยอะแยะมากมาย
เพราะฉะนั้นแล้วถ้าหากเกิดอาการเหล่านี้ เราอย่าชะล่าใจ การมุ่งแก้ที่ต้นเหตุ อย่างการสอบประวัติการแพ้ของพ่อแม่ก็เป็นเรื่องที่ดีและควรทำ เพราะโรคภูมิแพ้ ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า เด็กก็มีแนวโน้มสืบมาจากพันธุกรรมเช่นกัน แต่ถ้าหากว่าน้องมีอาการแพ้ที่มากกว่านั้นที่เราไม่อาจรู้ได้เลย
การปฐมพยาบาลเบื้องต้นก็เป็นสิ่งที่ช่วยบรรเทาให้ผู้แพ้รู้สึกคัดระคายน้อยลงได้ในระหว่างที่เรากำลังจะเดินทางไปหาแพทย์อีกทีค่ะ

การรู้ระวังและป้องกันการแพ้เบื้องต้น [www.bangkokhospital.com / prevention of allergies and asthma in children]
1. ทารกที่มีพ่อแม่พี่น้องมีประวัติการแพ้ต่างๆ ในระว่างที่เลี้ยงน้อง ต้องหมั่นคอยสังเกตเป็นพิเศษ ถึงอาการหรือพฤติกรรมต่างๆที่แตกต่างจาก
routine ในชีวิตของน้องที่ทำเป็นประจำ ถ้าหากมีอะไรแปลกไปจากประจำวัน ให้รีบสังเกตและวิเคราะห์น้องใกล้ๆเลยค่ะ
2. อาหารหรือสิ่งต่างๆที่ขึ้นชื่อเรื่องทำให้คนแพ้อยู่เรื่อยๆ เช่น ถั่ว อาหารทะเล เกสร ขนสัตว์ หรือแม้แต่สารเคมีที่ปะปนเข้ามาอยู่ในอาหารสัตว์ที่ให้ผลผลิตเช่น ไข่ นม
ก็แลดูจะมีความเสี่ยงอยู่เบา เพราะฉะนั้น อะไรเลี่ยงได้ก็แน่นำให้เลี่ยงนะคะ
3. ถ้าเป็นไปได้ให้น้องทางนมแม่จนโตมีระบบคูมิคุ้มกันร่างกายที่แข็งแรงมั่นใจแล้วจะดีที่สุดค่ะ หรือถ้าบ้านในแม่นมน้อยจริงๆ อย่างนั้น 4-6 เดือนแรกเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นต้องทานนมแม่นะคะ
4. ทารกที่มีความเสี่ยงต่อโรคภูมิแพ้อาหารและแม่ไม่สามารถให้นมเองได้ แนะนําให้ใช้นมผงสำหรับทารกประเภทไฮโดรไลซ์
ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณา นมนี้เป็นนมใช้สำหรับทารกที่จะเป็นหรือเป็นภูมิแพ้แล้ว (Hypoallergenic)
ที่ใช้แทนนมวัวและนมถั่วเหลือง เพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังและแพ้นมได้
5. เด็กที่เริ่มหัดทานแล้ว เราสามารถเสริมด้วย ผักผลไม้และธัญพืชได้ โดย สิ่งที่ควรเสริมคือ ผลไม้ (แอปเปิล ลูกแพร์ กล้วย) ผัก (ผักสีเขียว มันหวาน ฟักทอง และแครอท)
และธัญพืช (ข้าวหรือข้าวโอ๊ต) เลือกทีละอย่างสลับกันไป และให้ได้ทุก ๆ 3 – 5 วันตามความเหมาะสมเพื่อเสริมความพร้อมในการพัฒนาของทารก
อีกทั้งวิธีนี้ ยังมีส่วนช่วยให้เราสามารถคาดคะเน หรือระบุประเภทอาหารที่อาจทำให้เกิดการแพ้ เพื่อสามารถหลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นสาเหตุได้
6. หากเกิดอาการแพ้ให้รีบปรึกษาแพทย์ทันที ใครมีกุมารแพทย์ประจำตัวน้องยิ่งดีเลยค่ะ จะได้เก็บประวัติไว้ที่เดียวด้วยค่า
Recommended for parents :
แนะนำเอกสารที่พ่อแม่ควรอ่าน
http://www.thaipediatrics.org/attchfile/Allergic%20rhinitis.pdf
แนะนำตัวช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อน้องมีอาการ runny nose หรือ น้ำมูกไหล
(ทั้งทราบและไม่ทราบสาเหตุ ก็มีประโยชน์ สะดวกพก ทุกที่ทุกเวลา)
Comments